วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2555

กิจกรรมที่ 4

กิจกรรมที่  4

สรุป เรื่อง การทำงานเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพ
     การสร้างทีมงานและการพัฒนาองค์กรเป็นกิจกรรมที่ดีที่สุด
การทำงานเป็นทีม จะเป็นประโยชน์สูงสุดขององค์กรและมีโอกาสประสบผลสำเร็จมากกว่าการทำงานคนเดียว แต่การสร้างทีมงานนั้นต้องใช้ เวลา ในการพัฒนาบุคคล และพัฒนาทีมงานพอสมควรจึงจะเป็นทีมงานที่มีประสิทธิภาพ

                        ขั้นตอนการทำงานเป็นทีม


1.วิเคราะห์งาน                                                
2.กำหนดเป้าหมายร่วมกัน
3.วางแผนการทำงาน                                       
4.กำหนดกิจกรรม
5.แบ่งงานให้สมาชิกของทีม                           
6.ปฏิบัติงานตามแผน
7.ติดตามผลและนิเทศงาน                               
8.ประเมินขั้นสุดท้าย
1  

      1.    แนวคิดและหลักการเกี่ยวกับการทำงานร่วมกันของบุคคล   1.การยอมรับความแตกต่างของบุคคล
   2.แรงจูงใจของมนุษย์
   3.ธรรมชาติของมนุษย์
 2. นักศึกษาจะมีวิธีการทำงานเป็นทีมให้มีประสิทธิภาพทำอย่างไร ยกตัวอย่างประกอบ
การที่จะทำให้ทีมมีประสิทธิภาพจะต้องรู้จักตนเองและรู้จักผู้อื่น เข้าใจต่อเพื่อนร่วมงานและสามารถร่วมกลุ่มกันได้เป็นอย่างดี  ต้องเข้าใจวัตถุประสงค์ของงานที่ทำเป็นอย่างดี สมาชิกในกลุ่มทุกคน
กิจกรรมที่  3

1. การจัดการเรียนการสอน  จัดชั้นเรียน  เตรียมการสอน ในยุคศตวรรษที่ 21 กับยุคก่อนศตวรรษที่ 21 เปรียบเทียบกันแตกต่างกันอย่างไร 
ในยุคก่อนศตวรรษที่ 21
        การเรียนรู้จะเกิดในโรงเรียนเป็นส่วนใหญ่ จะเป็นการเรียนรู้แบบท่องจำ
ยุคศตวรรษที่  21
      การเรียนรู้เกิดขึ้นได้ทุกที่ โดยที่นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง คนเรามีสมองที่เหมือนกันแต่มีความจำไม่เท่ากันจึงไม่ควรที่จะเรียนโดยการท่องจำ


2. ครูผู้สอนจะต้องเตรียมตัวอย่างไรในอนาคตที่ท่านจะเป็นครูยุดต่อไปข้างหน้า ให้สรุปตามแนวคิดของนักศึกษา
       มีความเป็นผู้นำ มีวิสัยทัศน์ ครูจะต้องมีความเป็นผู้นำมีความทันสมัยตลอดเวลา หมั่นศึกษาหาความรู้อยู่เรื่อยๆ ครูต้องรู้จักแก้ปัญหา แก้สถานการณ์ได้ ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยได้อย่างดี คือการถ่ายทอดการศึกษาให้แก่ผุ้เรียนด้วยสื่อเทคโนโลยี  เช่น คอมพิวเตอร์   มัลติมีเดีย สื่อผสม
และครูจะต้องมีคุณธรรมตามแนวทางคำสอนของทุกศาสนา มีความยุติธรรมผู้เรียน สามารถเป็นแบบอย่างให้แกผู้เรียนได้เป็นอย่างดี

กิจกรรมที่ 2

กิจกรรมที่ 2
ทฤษฏีการบริหารการศึกษา

ทฤษฏีมาสโลว์

ทฤษฏีลำดับขั้นความต้องการ 5 ขั้น
มาสโลว์แบ่งความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ ออกเป็น 5ระดับด้วยกัน คือ
1.ความต้องการทางกายภาพ (Physiological Needs) 
 2.ความต้องการความปลอดภัย (Safety Needs) 
 3. ความต้องการทางสังคม (Social Needs) 
 4.ความต้องการยกย่องชื่อเสียง (Esteem Needs) 
 5.ความต้องการที่จะรู้จักตนเองตามสภาพที่แท้จริงและความสำเร็จของชีวิต(Self–ActualizationNeeds)

ทฤษฎี X และทฤษฎี Y

          ทฤษฎี  X(Theory X) เป็นปรัชญาการบริการจัดการแบบดั้งเดิม โดยมองว่าพนักงานเกียจคร้าน ไม่กระตือรือร้น ไม่ชอบงานและพยายามหลีกเลี่ยงงาน

ทฤษฎี Y(Theory Y) เป็นปรัชญาการบริการจัดการ โดยมองว่าพนักงานมีความรับผิดชอบ มีความคิดริเริ่มในการแก้ปัญหาในการทำงานและไม่มีความเบื่อหน่ายในการทำงาน

William Ouchi : ทฤษฎี Zกลุ่มทฤษฏีร่วมสมัย

       ทฤษฎีนี้เป็นทฤษฎีลูกผสมระหว่างญี่ปุ่นกับอเมริกัน คุณวิลเลียม โอชิ ซึ่งเป็นชาวซามูไร เป็นคนคิดขึ้นมา ลองศึกษาแนวคิดของเขา เผื่อบางทีจะได้ปิ๊งไอเดีย เกิดเป็นทฤษฎีพันธ์ผสมใหม่ขึ้นมาอีกก็ได้


Henry Fayol :  ทฤษฎีการบริหารจัดการสมัยใหม่       

  เป็นบิดาของทฤษฎีการจัดการการปฏิบัติการ(Operational management theory)
หรือบางทางก็ถือกันว่าเป็นบิดาของการบริหารจัดการสมัยใหม่
เขาเชื่อว่าการบริหารนั้นเป็นเรื่องของทักษะ และเขาสนใจที่จะศึกษาองค์การโดยรวมและมุ่งเน้นที่กิจกรรมการจัดการ (Managerial activities) ซึ่งประกอบด้วยกิจกรรม 5 อย่างคือ
1. การวางแผน(Planning)
2. การจัดองค์การ(Organizing)
3. การบังคับบัญชา หรือการสั่งการ (Commanding)
4. การประสานงาน (Coordinating)
5. การควบคุม (Controlling)

Max Weber : ทฤษฎีการจัดการตามระบบราชการ

ได้สรุป  แนวคิดการจัดองค์กรของเว็บเบอร์มี 6 ประการมีดังนี้
1. องค์การต้องมีการจัดแบ่งงานออกเป็นส่วนๆพื่อสะดวกต่อการทำงาน
2. องค์การนั้นต้องมีสายบังคับบัญชาตามลำดับขั้น

3. ระบบการคัดเลือกคนนั้นต้องกระทำอย่างเป็นทางการ
4. องค์การต้องมีระเบียบ และกฏเกณฑ์
5. ความไม่เลือกที่รักมักที่ชัง
6. การแยกระบบการทำงานออกเป็นสายอาชีพ

Lutther  Gulick

  การบริหารจัดการโดยมีกิจกรรม 7 ประการ ให้ความสำคัญของการควบคุม การสั่งการ การประสานงาน คือ p คือการวางแผน(planning) O คือการจัดองค์การ (organizing) D คือการสั่งการ(directing) S คือการบรรจุ (staffing) CO คือการประสานงาน(co-ordinating) Rคือการรายงาน(reporting) B คือการงบประมาณ (budgeting)

Frederick Herzberg: ทฤษฏี 2 ปัจจัย

1.             ปัจจัยภายนอก เป็นแรงจูงใจที่สนองตอบต่อความต้องการภายนอกของคน ทำให้คนพึงพอใจได้ในเบื้องต้นและจะมีผลต่อคนอยู่ไม่นานนัก
2.             ปัจจัยภายใน เป็นเกิดแรงจูงใจกับคนอยู่ได้นานกว่าปัจจัยภายนอก

Frederick W. Taylor : ทฤษฏีการจัดการตามหลักวิทยาสาสตร์

ปรัชญาของเทย์เลอร์ได้แก่ ทำการศึกษาด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์และพัฒนาวิธีการที่ดีที่สุดและใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์การคัดเลือกและการฝึกอบรมและมอบหมายความรับผิดชอบให้ทำงานให้เหมาะสมที่สุด

Henry L. Gantt : ผู้พัมนาการอธิบายแผนโดยใช้กราฟ

           เป็นสื่อในการอธิบายแผน การวางแผน การจัดการและการควบคุมองค์กรที่มีความซับซ้อนเพื่อให้ผุ้รับฟังเกิดมิติในการรับรู้มากยิ่งขึ้น


สรุปจากเอกสารบริหารการศึกษา
บทที่ 1
มโนทัศน์เกี่ยวกับการบริหารการศึกษา
การบริหาร  เริ่มใช้เมื่ออาณาจักรโรมันล่มสลายโดยกลุ่มนักรัฐศาสตร์ ซึ่งหมายถึง การจัดการหรือควบคุมกิจการต่างๆของรัฐ ส่วนการบริหารของรัฐหมายถึงการบริหารหรือการจัดการหรือดำเนินการในด้านรายละเอียดอย่างมีระเบียบ ส่วนความสำคัญของการบริหารเป็นการดำรงอยู่รวมกันของมนุษย์  เป็นผลทำให้การบริหารของหน่วยงานต่างๆได้ขยายงานอย่างกว้างขวาง  การบริหารการศึกษา  หมายถึง กิจกรรมต่างๆ  ที่บุคคลหลายคนร่วมกันดำเนินการ  เพื่อพัฒนาสังคมในทุกๆด้าน และการบริหารการศึกษา หมายถึงกิจกรรมต่างๆที่บุคคลหลายคนร่วมกันดำเนินการ เพื่อพัฒนาสมาชิกของสังคมในทุกๆด้าน
บทที่  2
 วิวัฒนาการของการบริหารยุคต่างๆและการประยุกต์ใช้ในการบริหารการศึกษา
วิวัฒนาการด้านรัฐกิจ  เป็นการศึกษาเกี่ยวกับการปกครอง จน ค.ศ.1887 Woodrow Wilson ได้เขียนหนังสือว่า การบริหารงานของรัฐหมายถึง  การบริหารหรือจัดการหรือดำเนินการในด้านรายละเอียดอย่างมีแบบแผน  ซึ่งเกี่ยวพันกับกฎหมายต่างๆของรัฐการใช้กฎหมายคือการบริหาร
วิวัฒนาการด้านธุรกิจ  การปฏิวัติอุตสาหกรรม เมื่อศตวรรษที่ 19 ทำให้ต้องการเปลี่ยนแปลงการบริหารที่ทันสมัยมากขึ้น ที่มุ่งแสวงหากำไร ผลประโยชน์เป็นเป้าหมายสำคัญ
 การแบ่งยุคของยุคของนักทฤษฎีการบริหาร
                 ยุคที่1  นักทฤษฎีการบริหารสมัยเดิม การประยุกต์ใช้หลักการบริหารเชิงวิทยาศาสตร์ในการบริหารการศึกษา
            ยุคที่2  ยุค  Human  Relation  Era  ทฤษฎีมนุษย์สัมพันธ์ การประยุกต์ใช้หลักมนุษย์สัมพันธ์ในการบริหารการศึกษา
          ยุคที่3  ยุคการใช้ทฤษฎีทางการบริการ การประยุกต์ใช้พฤติกรรมศาสตร์ในการบริหารการศึกษา
ทฤษฎีองค์การเชิงระบบ และการประยุกต์เชิงระบบในการบริหารการศึกษา   
บทที่  3
งานบริหารการศึกษา
การบริหารการศึกษาจะไม่แตกต่างกับการบริหารงานทั่วไป กล่าวคือสามารถนำหลักการของของการบริหารทั่วไปมาใช้กับการบริหารศึกษาได้ ผลเสียของการบริหารดังกล่าวสามารถมองเห็นได้ง่าย เพราะจะมีลักษณะเผด็จการโดยการสั่งการสั่งจากเบื้องบน  มีคำสั่งให้ครูปฏิบัติและมีข้อห้ามในการกระทำ  และมีการควบคุมอย่างเข้มงวดและมีการลงโทษหากผู้ใดฝ่าฝืนและลงโทษตามกฎหมายกำหนดและมีเครือข่ายทางการศึกษาดังนี้
1.การผลิต หมายถึง กิจกรรมพิเศษหรืองานที่ทางองค์การได้จัดตั้งขึ้น
2.การประกันถึงการใช้ผลผลิตจากประชาชน หมายถึง กิจกรรมและผลผลิตของการดำเนินงาน
3.การเงินและการบัญชี หมายถึง  การรับและการจ่ายเงินในการลงทุนในกิจกรรมขององค์การ
4.บุคลากร คือ  การกำหนดรอบและการดำเนินการของนโยบาย
5.การประสานงาน  คือ  เป็นกิจกรรมที่สำคัญของการบริหารการศึกษา
บทที่  4
กระบวนการทางการบริหารการศึกษา
การบริหารการศึกษาเป็นหน้าที่หนึ่งของรัฐบาลในการบริหารประเทศ  เป็นการบริหารธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาแก่เด็กและเยาวชน  ที่เรียกว่าการบริหารการศึกษาสิ่งที่ทำให้การบริหารการศึกษา การบริหารราชการ  และการบริหารธุรกิจจะแตกต่างกัน  และปรัชญาการศึกษา  ในการบริหารการศึกษาผู้บริหารนั้นจะต้องรู้เกี่ยวกับหลักการบริหาร  ที่สามารถนำไปเป็นหลักการจัดการศึกษาในโรงเรียนมี  2 เรื่อง คือ  1.การจัดระบบสังคม 2.เป้าหมายและวัตถุประสงค์ของการศึกษา สำหรับหลักการจัดระบบการศึกษา  ไม่ว่าระดับชาติ  ระดับท้องถิ่น  ระดับโรงเรียน คือจะต้องรู้จักเด็กทุกคน  โดยยึดหลักความเสมอภาคและเหมาะสมกับปรัชญา สภาพแวดล้อมของโรงเรียน และมีการส่งเสริมกิจกรรมให้สอดคล้องกับการปกครองในการบริหารงานในชั้นเรียนอย่างเท่าเทียมกันโดยกระบวนการบริหารการศึกษา เป็นความคิดรวบยอดและเป็นการจัดระบบการศึกษา ให้เป็นไปตามกระบวนการศึกษาของโรงเรียน
บทที่  6
องค์การและการจัดองค์การ
องค์การแบ่งออกเป็น  3  ลักษณะใหญ่ๆคือ 1.องค์การทางสังคม ได้แก่ ครอบครัว โรงเรียน     2.องค์การทางราชการ ได้แก่ หน่วยงานราชการต่างๆ ครอบคลุมถึงกระทรวง ทบวง กรม  และ3.องค์การเอกชน ได้แก่ บริษัท ห้าง ร้านค้า เป็นต้น                                                            
แนวคิดในการจัดองค์การ
1.  แนวคิดในการจัดองค์การมาจากพื้นฐานการดำเนินงานขององค์การที่ภารกิจมาก
2.  แนวคิดในการจัดองค์การยังต้องคำนึงถึง  ผู้ปฏิบัติงาน
3.  แนวในการจัดการองค์การ  จะต้องกล่าวผู้บริหารควบคู่กันไป
บทที่ 6
การติดต่อสื่อสาร
การติดต่อสื่อสารเป็นองค์ประกอบหนึ่งในกระบวนการบริหารที่ดี มีความหมายว่ากระบวนการติดต่อเกี่ยวข้องและประสานงานกันระหว่างบุคคล โดยอาศัยวิธีการถ่ายทอด และการรับข้อมูลเพื่อเป้าหมายที่ตั้งไว้ การติดต่อสื่อสารจึงมีความสำคัญอย่างหนึ่งในการบริหารเพื่อการแลกเปลี่ยนความคิดหรือเสริมสร้างความเข้าใจระหว่างกันและยังมีความสำคัญในการดำเนินการในองศ์การอย่างมาก ปัจจัยในการติดต่อสื่อสารมี 3 ตัว คือ สื่อ ช่องทางที่สื่อผ่านและกระบวนการ รูปแบบของการติดต่อสื่อสาร การจัดเตรียม การสังเกตการณ์ของกระบวนการ การจำแนกปัจจัยผันแปร ชึ่งสิ่งเหล่านี้จะกำหนดทิศทาง ช่วยให้ผู้บริหารจับประเด็นปัญหาของการติดต่อสื่อสาร และช่วยป้องกันความยุ่งยากที่อาจเกิดขึ้นก่อนล่วงหน้า องค์ประกอบของการติดต่อสื่อสารจะมีผู้ส่งสาร ช่องทาง ข้อมูล ผู้รับสาร การตอบรับ ส่วนการติดต่อสื่อสารจะมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข่าวสารมีความเข้าใจระหว่างผู้ปฎิบัติงานเพื่อการทำงานไปด้วยดี ช่วยสร้างทัศนคติเกิดแรงจูงใจ เพื่อเกิดแรงจูงใจ
บทที่ 7
ภาวะผู้นำ
ภาวะผู้นำ หมายถึงการเป็นผู้นำที่ใช้อิทธิพลในการดำเนินงาน ในความสัมพันธ์ต่อผู้ใต้บังคับบัญชาในสถานการณ์ต่างๆเพื่อปฏิบัติการและอำนวยการ โดยใช้กระบวนการติดต่อชึ่งกันและกัน หน้าที่ผู้นำเกี่ยวข้องกับ การอำนวย การจูงใจ การริเริ่ม กำหนดนโยบาย วินิจฉัยสั่งการ องค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกับภาวะผู้นำ มีผู้นำ ผู้ตาม สถานการณ์ ผู้นำกับผู้บริหารจะแตกต่างกันคือผู้นำก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในองค์กร ส่วนผู้บริหารเป็นผู้รักษาความมั่นคงในหน่วยงาน ผู้นำจะกลุ่มยกย่องเนื่องจากมีลักษณะเด่นเป็นพิเศษเหนือบุคคลอื่นเนื่องจากผู้บริหารมีรูปแบบเป็นทางการ
บทที่ 8
การประสานงาน
การประสานงาน คือการจัดระเบียบวิธีการทำงาน เพื่อให้งานและเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆร่มมือปฎิบัติงานเป็นน้ำหนึ่งเดี่ยวกัน เพื่อให้งานดำเนินไปอย่างราบรื่นสอดคล้องกับวัตถุประสงค์และนโยบาย ความมุ่งหมายในการประสานช่วยให้คุณภาพและผลงานเป็นไปตามวัตถุประสงค์ เพื่อจัดความซ้ำซ้อนกันของการทำงานโดยไม่จำเป็น และเพื่อลดปัญหาความขัดแย้งกันระหว่างเจ้าหน้าที่ปฎิบัติงาน ภารกิจในการประสานงานที่ดี ควรทราบถึงภารกิจที่ดีในการประสานงานคือต้องทราบนโยบาย แผนงาน งานที่รับผิดชอบ และทรัพยากร ส่วนหลักการประสานงานควรจัดให้มีระบบในการสื่อสาร ความร่วมมือ การประสานงานและนโยบายที่ดี และในการประสานให้มีประสิทธิภาพและรวดเร็วควรจะมีโครงสร้างที่จัดเป็นระบบแบบแผน มีแผนภูมิแสดงสายการบังคับ มีการเขียนนโยบาย มีระบบเสนองาน มีเครื่องมือและระบบสื่อสารที่เพียงพอและเปิดโอกาสให้กับผู้เข้าร่วม การประสานงานที่ดีจะมีประโยชน์หลายอย่างคือช่วยลดการขัดแย้ง ลดปัญหาที่ซับซ้อน ทำให้เกิดเอกภาพในการทำงาน ช่วยให้ประหยัดเงิน เวลา

บทที่ 9
การตัดสินใจสั่งการหรือการวินิจฉัยสั่งการ
การตัดสินใจคือการชั่งใจไตร่ตรองหาเหตุผลเพื่อให้การดำเนินงานไปสู่เป้าหมายที่กำหนดไว้ ส่วนการวินิจฉัยสั่งการคือการสั่งงานหรือการพิจารณาตกลงชี้ขาดจากทางเลือกที่มีอยู่มากกว่าหนึ่งทางขึ้นไป หลักการในการตัดสินใจหรือวินิจฉัยสั่งการ บางครั้งตัดสินใจถูกแต่การสั่งงานผิดพลาดอาจทำให้เกิดผลเสียหายแก่งาน  ลักษณะการวินิจฉัยสั่งการของผู้บริหารที่ดี จะต้องประกอบด้วยหลักเกณฑ์ดังนี้ ระยะเวลาที่เหมาะสม ความแน่นอน ความรู้ความสามารถของผู้บริหาร ประสบการณ์ในการทำงาน ทัศนคติ บุคลิกภาพที่มีอิทธิพล ความลำเอียงส่วนบุคคล ความโดดเดี่ยว ประสบการณ์ การรู้โดยความรู้สึก และการแสวงหาคำแนะนำ
บทที่ 10
ภารกิจของผู้บิหารโรงเรียน
ผู้บริหารโรงเรียน ถือว่าเป็นบุคคลสำคัญที่ได้รับการแต่งตั้งหรือมอบหมายงานให้มีอำนาจหน้าที่ในการจัดการศึกษาหรืออำนวยการต่างๆ  จะมีหลายด้าน ดังนี้  
1.การบริหารงานวิชาการ จะเป็นหัวใจของการบริหารในโรงเรียน ลักษณะและความสำคัญของงานวิชาการ จึงถือว่างานวิชาการท้าทายผู้บริหารการศึกษา งานวิชาการจะเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนในโรงเรียน และผู้บริหารจะต้องรับรู้ รับผิดชอบ ควบคุมดูแลในการดำเนินการวางแผน
 2.การบริหารบุคคล คือการจัดงานเกี่ยวกับคนให้เกิดประโยชน์สูงสุด ส่งเสริมให้กำลังใจผู้ปฎิบัติให้ทำงานอย่างมีปะสิทธิภาพ  ความสำคัญของการบริหารบุคคล คือ คนเป็นผู้บันดาลให้ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้น วัตถุประสงค์ เพื่อสรรหาและเลือกสรรคนดี มีความรู้ความสามารถมาทำงานให้เกิดผลสูงสุดอยู่กับองศ์การนานๆ 
3.การบริการธุรการในโรงเรียน คืองานธุรการเป็นเรื่องของการให้บริการแก่หน่วยงานต่างๆของโรงเรียนหรอสถาบันการศึกษา ส่งผลให้การเรียนการสอนเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด ความสำคัญจะเป็นเสมือนน้ำมันหล่อลื่นให้เครื่องจักร(งานวิชาการ) ทำงานได้ดีและเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงความสามารถของผู้บริหารงาน หน้าที่ของผู้บริหารงานธุรการ คือจะเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายงานธุรการ ติดตามและวางแผนการปฎิบัติงาน จัดระบบงาน  
4.การบริหารงานนักเรียน เป็นการบริการงานเกี่ยวกับนักเรียนในส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอนในห้องเรียน หลักในการจัดกิจกรรม ต้องให้นักเรียนมีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมอย่างเสมอภาค ต้องอยู่ในความรับผิดชอบของสถานศึกษา ต้องปลูกฝังความคิด 
5.การบริหารอาคารสถานที่และบริการด้านอื่นๆ คือการรู้จักจัดหา รู้จักใช้อาคารให้เกิดประโยชน์สูงสุดและให้คงสภาพดีสนองความต้องการได้อย่างเพียงพอ







วันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2555

กิจกรรมที่ 1

กิจกรรมที่ 1
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการบริหารการศึกษา
การบริหาร  หมายถึง การใช้ศาสตร์และศิลปะนำทรัพยากรการบริหารมาประกอบการตามกระบวนการบริหาร ให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพ

การศึกษา  หมายถึง การจัดประสบการณ์ให้เหมาะสมแก่ผู้เรียนเพื่อผู้เรียนจะได้งอกงามตามวัตถุประสงค์ มีความรู้ ความสามารถมีทักษะพื้นฐานที่จำเป็นมีลักษณะนิสัยที่ดีงาม การศึกษาคือการสร้างเสริมประสบการชีวิต
การบริหารการศึกษา  หมายถึง กิจกรรมต่างๆที่บุคคลหลายคนร่วมมือกันดำเนินการ เพื่อพัฒนาเด็ก เยาวชน  ประชาชนหรือสมาชิกของสังคมในทุกๆด้าน เช่น ความสามารถ ทัศนคติ พฤติกรรมค่านิยมหรือคุณธรรมทั้งในด้านทางสังคม การเมืองและเศรษฐกิจเพื่อให้บุคคลดังกล่าวเป็นสมาชิกที่ดีและมีประสิทธิภาพของสังคม

 ดังนั้น สรุปได้ว่า ความหมายของการบริหารการศึกษาคือ การดำเนินงานของบุคคลเพื่อพัฒนาให้มีคุณภาพ ทั้งความคิด ความรู้ ความสามารถ และความเป็นคนดี

แนะนำตนเอง

ประวัติส่วนตัว
 ชื่อ                 นางสาววันวิสาห์   มาตข
ชื่อเล่น            หนูแดง
ที่อยู่              257 .4  .กันตังใต้ อ.กันตัง จ.ตรัง
วันที่              24 .2534  มี่น้อง  2คน
เบอร์โทร        0807821876
จบจากโรงเรียน กันตังพิทยากร
ปัจจุบัน        เรียนคณะครุศาสตร์
                   หลักสูตรสังคมศึกษา  รหัสนักศึกษา 5311116198
 พักอยู่          หอAพิลาสพนา
คติประจำใจ   ทำวันนี้ให้ดีที่สุด  ไม่เสียใจกับอดีตที่ผ่านมา